guideubon

 

ชาวนาอุบลฯ เล็งตั้งสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ ฝันกำหนดราคาข้าวเอง

เกษตรอินทรีย์-อุบล-01.jpg

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 โครงการเสริมสร้างศักยภาพเกษตรกรด้านเกษตรอินทรีย์เพื่อความมั่นคงทางอาหารและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ จังหวัดอุบลราชธานี หรือ EFFU ได้อบรมเรื่องการจัดตั้งสหกรณ์ให้กับเกษตรกรอินทรีย์ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีกว่า 100 คน โดยมีนักวิชาการชำนาญการจากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวิทยากรให้ความรู้ที่โรงแรม ยู เพลส มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

นางสาวพรรณี เสมอภาค ผจก.โครงการฯ เปิดเผยว่า การอบรมในครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดตั้ง สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ของจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสมาชิกของโครงการมีความเห็นว่า ควรรวมกลุ่มกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสมาชิกในการผลักดันส่งเสริมเกษตรอินทรีย์อย่างครบวงจร ซึ่งเมื่อเกิดสหกรณ์ขึ้น จะมีการสนับสนุนปัจจัยการผลิตในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด การปล่อยกู้สำหรับผู้ที่ขาดแคลน เป็นแหล่งรวบรวมผลผลิต การส่งเสริมการแปรรูป ส่งเสริมด้านการตลาด ซึ่งสหกรณ์สามารถกำหนดราคาผลผลิตร่วมกันได้ อีกทั้งมีสวัสดิการ ส่งเสริมการออมทรัพย์ การปันผลต่างๆ โดยสหกรณ์จะเป็นองค์กรณ์ที่ยืนยันความเชื่อมันให้กับเกษตรกรอินทรีย์ว่า เมื่อผลผลิตแล้วมีตลาดรองรับแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานี

ด้านนางอุบล ศรีทอง เกษตรกรอินทรีย์ บ.ทองหลาง ต.ท่าโพธิ์ศรี อ.เดชอุดม เปิดเผยว่า การมีสหกรณ์จะส่งผลให้เกษตรกรมีความเชื่อมั่นในการผลิตมากขึ้น มีสมาชิกที่รวมตัวกันชัดเจน ไม่เป็นการต่างคนต่างทำเหมือนที่ผ่านมา อย่างน้อยก็เป็นการสร้างกำลังใจให้ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกันในสหกรณ์ เบื้องต้นไม่ได้คาดหวังว่าจะกำหนดราคาข้าวอินทรีย์ให้ได้สูงกว่าตลาดทั่วไป เพียงอยากเห็นกลุ่มคนที่ทำเกษตรอินทรีย์ได้รวมกลุ่มกันเป็นรูปธรรมชัดเจนก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

เกษตรอินทรีย์-อุบล-02.jpg

อย่างไรก็ตามจากการอบรมในครั้งนี้ ได้หารือในหลักการเบื้องต้นซึ่งสมาชิกได้ข้อตกลงตั้งชื่อร่วมกันคือ สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ จำกัด การกำหนดค่าธรรมเนียมค่าสมัคร 50 บาท ต่อคน การกำหนดจำนวนหุ้นแรกเข้าของสมาชิกหุ้นละ 10 บาท แต่ไม่ต่ำกว่า 10 หุ้น และเปิดรับสมาชิกสมทบอีกด้วย แต่ในกรณีนี้ จะมีสิทธิในการฝากเงิน สิทธิรับฟัง สิทธิรับบริการทางวิชาการของสหกรณ์ แต่จะ ไม่มีสิทธิออกเสียงใดๆ

ซึ่งที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ 141/1 หมู่ 8 ต. ม่วงใหญ่ อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี และกำหนดจดทะเบียนให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2557 ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรและผู้สนใจที่จะเข้าสมัครเป็นสมาชิกจำนวนมาก