guideubon

 

กรมทางหลวง ตรวจถนนสาย 212 อุบลฯ-อำนาจเจริญ

ทางหลวง-อุบล-อำนาจเจริญ-01.jpg

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 นายธนกฤต ธานี นายช่างโยธาชำนาญงาน สำนักก่อสร้าง กรมทางหลวง ผู้ช่วยนายช่างโครงการก่อสร้างทางหลวง หมายเลข 212 อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ ตอน 3 กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีการก่อสร้างถนนทางหลวงหมายเลข 212 อุบลราชธานี – อำนาจเจริญ โดยระบุว่าการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน และการดำเนินงานไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนในบริเวณดังกล่าวว่า

ทางหลวง-อุบล-อำนาจเจริญ-02.jpg

โครงการนี้ เป็นโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 สายอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ ตอน 3 ระหว่าง กม.40+800 ถึง กม.58+900 และ EQA กม.69+100/กม.70+125 ถึง กม.73+655 ระยะทางยาว 21.630 กม. เป็นการก่อสร้างทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 2 ปี คือเริ่ม 13 พฤศจิกายน 2557- 1 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งกรมทางหลวงได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลทุกขั้นตอนของการก่อสร้างทาง เพื่อให้เป็นไปตามสเปกที่กรมทางหลวงกำหนด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง เจ้าหน้าที่จากกรมทางหลวงที่กำกับดูแลในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยมีสำนักงานโครงการฯ ตั้งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างทางทำการการตรวจสอบอย่างละเอียด ว่าได้มาตรฐานตรงตามที่กำหนดหรือไม่ คอนกรีต แอสฟัลท์ติก มีความเข้มข้นตรงตามสเปกเพียงพอหรือไม่ โดยมีห้องแล็ปทำการตรวจสอบตั้งอยู่ในโครงการด้วย เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนที่ผู้รับจ้างจะดำเนินการเทพื้นปูถนนหรือนำวัสดุต่างๆ ลงในงานก่อสร้าง

ทางหลวง-อุบล-อำนาจเจริญ-03.jpg

นอกจากนี้ ยังมีการสุ่มตรวจพื้นที่ทำการปูถนนไปแล้ว เพื่อรีเช็คว่าเมื่อเทพื้นปูถนนไปแล้ว การก่อสร้างบดอัดได้มาตรฐานตรงตามที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งจะมีการตรวจสอบทุกอย่างจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ อันถือเป็นขั้นตอนการควบคุมการก่อสร้างที่ดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้วของกรมทางหลวงที่มีการก่อสร้างในทุกสายทาง นอกจากนี้ยังมีการควบคุมในด้านความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนระหว่างการก่อสร้าง โดยจะควบคุมดูแลให้ผู้รับจ้างติดป้ายเตือนตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ผู้สัญจรไปมาได้ใช้ความระมัดระวังในการใช้ทางที่ก่อสร้าง การให้มีป้ายไฟสัญญาณ ไฟส่องสว่างเวลากลางคืนในบริเวณก่อสร้างที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนให้มีกรวย มีป้ายเตือนทุกประเภท และอื่นๆ ซึ่งกรณีดังกล่าว กรมทางหลวงจะควบคุมดูแลเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด ยกตัวอย่างเช่นไฟฟ้าส่องสว่างในช่วง 15.00 น. จะมีการให้เจ้าหน้าที่วิ่งรถตรวจสอบว่าไฟส่องสว่างติดหรือใช้การได้หรือไม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมากที่สุด

ทางหลวง-อุบล-อำนาจเจริญ-04.jpg

อย่างไรก็ตาม สำหรับการก่อสร้างทางสาย 212 อุบล-อำนาจฯ พบปัญหาการทำลายป้ายเตือนจราจรในจุดที่ทำการก่อสร้าง โดยระยะแรกมีความเข้าใจว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุรถชนป้ายพังบ้างแต่ไม่จงใจ แต่ต่อมาระยะหลังเริ่มมีการกระทำที่รุนแรง จนเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำที่จงใจทำลายป้าย และไฟส่องสว่างในบริเวณที่มีการก่อสร้าง เนื่องจากมีคนพบเห็นว่ามีชายลงมาทำลายป้ายและยังข่มขู่เอาชีวิตผู้เห็นเหตุการณ์หากเข้ามายุ่ง จึงอยากวิงวอนขอร้องให้ผู้ที่ไม่หวังดีดังกล่าว ได้เห็นใจผู้ที่สัญจรไปมา เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรท ำเนื่องจากหากป้ายเตือน หรือหลอดไฟส่องทางในจุดก่อสร้าง หรือป้ายทางเบี่ยงต่างๆ ถูกทำลายจะทำให้ผู้สัญจรไปมาเกิดอันตรายในการใช้ถนนสายดังกล่าวได้ จึงอยากให้เห็นใจผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย นายธนกฤต กล่าว

ด้าน นายยุทธพล พันธุ์เพ็ง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ส.เขมราฐ อินดัสตรี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับจ้าง กล่าวว่า การก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 อุบล-อำนาจเจริญ ได้ดำเนินการก่อสร้างเป็น 2 ช่วงคือช่วงที่ 1 ระยะทางประมาณ 18 กม. ช่วงที่ 2 ระยะทางเกือบ 3 กม. เป็นการก่อสร้างโดยการขยายคันทางเดิมเป็น 4 ช่องจราจร ผิวจราจรเป็นแบบแอสฟัลท์คอนกรีต ช่องจราจรกว้างช่องละ 3.5 เมตร ไหล่ทางข้างละ 4.2 เมตร มีเกาะกลาง สะพานลอย ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมทางหลวงที่ดูแลการก่อสร้างทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด

ขณะนี้การก่อสร้างดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการทุกส่วนเป็นอย่างดี ส่วนการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 50% แต่ทว่าในเรื่องการอำนวยความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งกรมทางหลวงดูแลควบคุมให้ผู้รับจ้างได้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน และป้ายไฟ พร้อมทั้งไฟส่องสว่างให้ผู้สัญจรไปมา ได้ใช้เส้นทางได้อย่างระมัดระวังนั้น ระยะหลังได้มีเหตุการณ์มีผู้ไม่หวังดีพยายามเข้าทำลายป้ายเตือน และไฟได้รับความเสียหายโดยไม่ทราบเจตนา กระทั่งทางบริษัทฯ ผู้รับจ้าง ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ลืออำนาจ ไปแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวตนอยากขอร้องให้ผู้กระทำเลิกทำพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเห็นใจผู้ใช้รถใช้ถนน ที่ลำพังการก่อสร้างทางแต่ละครั้งก็ใช้รถใช้ถนนได้ลำบากอยู่แล้ว แต่กลับมีการทำลายป้าย ไฟส่องสว่างอีก ก็ถือเป็นการสร้างความลำบากให้กับผู้สัญจรไปมาอีก จึงอยากขอวิงวอนให้เห็นใจผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปด้วย

ส่วนการก่อสร้างถนนสายนี้จะแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้ จึงอยากให้ผู้ใช้รถใช้ถนนระมัดระวังในการขับขี่ อาทิ ลดความเร็ว และใช้ช่องทางจราจรที่จัดให้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่อยากให้มีใครประสบเหตุเกิดขึ้น นายยุทธพล กล่าว